ในยุคที่การติดต่อข้อมูลข่าวสารต่าง ๆผ่านเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปมาก การกระทำทางวาจาที่เรียกว่า “วจีกรรม” เป็นกรรมที่มีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ง่ายมากขึ้น วจีกรรมนั้นไม่ได้หมายถึงการพูดอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง การสื่อสารผ่านตัวหนังสืออีกด้วย ซึ่งพระพุทธองค์ทรงให้หลักในการพิจารณา การพูดไว้ในองค์ของวาจาสุภาษิตว่า
๑. ต้องเป็นคำจริง เป็นคำพูดที่ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ไม่บิดเบือนจากความจริง ไม่เสริมความ ไม่อำความ ต้องเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่คำพูดที่ปั้นแต่งขึ้น
๒. ต้องเป็นคำสุภาพ เป็นคำพูดไพเราะที่กลั่นออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ ไม่เป็นคำหยาบคำด่า ประชดประชัน เสียดสี เพราะคำหยาบนั้นฟังก็ระคายหู แค่คิดถึงก็ระคายใจ
๓. พูดแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ เกิดผลดีทั้งแก่คนพูดและคนฟัง ถึงแม้คำพูดนั้นเป็นคำจริงและสุภาพ แต่ถ้าพูดแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร กลับทำให้เกิดโทษ ก็ไม่ควรพูด
๔. พูดด้วยจิตเมตตา พูดด้วยความปรารถนาดีอยากให้คนฟังมีความสุข มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ในข้อนี้ยังหมายถึงว่า แม้พูดจริง เป็นคำสุภาพ พูดแล้วเกิดประโยชน์ก็ตาม แต่ยังต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ไม่ใช่ถือว่าเรามีความปรารถนาดีแล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูด เพราะผู้ฟังอาจรับไม่ได้
๕. พูดถูกกาลเทศะ แม้ใช้คำพูดที่ดีเป็นคำจริง คำสุภาพ เป็นคำพูดที่มีประโยชน์ และพูดด้วยจิตที่เมตตา แต่ถ้าผิดจังหวะ ไม่ถูกกาลเทศะ ผู้ฟังยังไม่พร้อมที่จะรับ ก็จะก่อให้เกิดผลเสียได้ เช่น จะกลายเป็นประจานกันหรือจับผิดไป
.
วจีกรรมที่เป็นอกุศล เป็นทุพภาษิตโดยเฉพาะที่กระทำ การด่าบริภาษต่อเพื่อนพรหมจรรย์ คือ พระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมติเตียนพระอริยเจ้า พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า จะต้องประสบกับความฉิบหาย ๑๑ ประการดังต่อไปนี้
๒. เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓. สัทธรรมของภิกษุนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔. เป็นผู้หลงเข้าใจว่าได้บรรลุสัทธรรม
๕. เป็นผู้ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
๖. ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗. บอกลาสิกขา คือ สึกไปเป็นฆราวาส
๘. เป็นโรคอย่างหนัก
๙. ย่อมถึงความเป็นบ้า คือ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต
๑๐.เป็นผู้หลงทำกาละ คือ ตายอย่างขาดสติ
๑๑.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต
“เมื่อจะต้องสื่อสาร
ก็ต้องใช้คำพูดที่สุภาพ มีจิตเมตตา
ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
และทำในเวลาที่เหมาะสม
ถ้าทำได้เช่นนี้เราก็จะอยู่เป็นสุข”
#เสียงเทศน์กิเลสผงะ
อะไรดีบอกต่อ
กดLIKE & SHARE — TAG เพื่อน +++++++
ธรรมะทานชนะการให้ทั้งปวง